เรียนรู้กับเว็บเควสท์ (WebQuest)
เว็บเควสต์ คืออะไร ?
เว็บเควสท์ (WebQuest) เป็นกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นการแสวงหาความรู้โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นฐานครูหรือผู้สอนไม่ได้ทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้แก่ผู้เรียนแต่ฝ่ายเดียว แต่ครูหรือผู้สอนจะทำหน้าที่เป็นผู้จัดกลุ่ม เรียบเรียงและลำดับความรู้ต่างๆ ให้อำนวยความสะดวกแก่ผู้เรียนในการเข้าถึงความรู้นั้นๆ อย่างเป็นระบบ เป็นขั้นตอน โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน
ลักษณะของเว็บเควสท์ที่สำคัญ คือ แสดงเพียงโครงร่างเนื้อหาเป็นกรอบของความรู้ที่ผู้เรียนต้องหรือควรที่จะศึกษา ไม่ได้มุ่งแสดงเนื้อหาราย ละเอียดของความรู้นั้นๆ ที่ชี้ชัดเจนลงไปโดยตรง ดังเช่น
การเปรียบเทียบระหว่างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนกับวิธีการของเว็บเควสท์
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
|
วิธีการของเว็บเควสท์
|
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนทั่วๆ ไป ที่ผู้ออกแบบได้ระบุเนื้อหาเฉพาะเพียงกรอบของวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมที่ต้องการเท่านั้น
|
ในการเข้าสู่เนื้อหาความรู้ต่างๆได้โดยใช้ตัวเชื่อมโยง บน หน้าเว็บเพจหลักของกรอบโครงสร้าง เนื้อหาหลักที่ผู้ออกแบบจัดกลุ่ม เรียบเรียง และลำดับดังที่กล่าวไว้แล้วนั้น เชื่อมโยงไปยังแหล่งความรู้อื่นๆ ในเว็บไซต์อื่นที่ผู้สอนหรือผู้ออกแบบพิจารณาเห็นว่ามีเนื้อหาสอดคล้องกับ วัตถุประสงค์ที่ต้องการให้เกิดแก่ผู้เรียน
|
การเรียนโดยใช้กิจกรรมแบบเว็บเควสท์
ควรเรียนตามลำดับขั้นตอนทั้ง 6 ขั้น คือ
1. ขั้นนำ (Introduction)
2. ขั้นภาระกิจ (Task)
3. ขั้นกระบวนการ (Process)
4. ขั้นชี้แหล่งความรู้ (Resources)
5. ขั้นประเมินผล (Evaluation)
6. ขั้นสรุป (Conclusion)
1. ขั้นนำ (Introduction)
2. ขั้นภาระกิจ (Task)
3. ขั้นกระบวนการ (Process)
4. ขั้นชี้แหล่งความรู้ (Resources)
5. ขั้นประเมินผล (Evaluation)
6. ขั้นสรุป (Conclusion)
ข้อดี
ผู้เรียนสามารถศึกษาค้นคว้าได้ด้วยตนเองอย่างมีลำดับขั้นตอน ซึ่งเป็นการฝึกให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้เต็มศักยภาพ และเป็นการฝึกให้ผู้เรียนค้นคว้าและติดตามเนื้อหาที่ลึกลงไป ทำให้สะดวกต่อการประเมินผลรายบุคคล
ข้อเสีย
ลักษณะของเว็บเควสท์จะแสดงเพียงโครงร่างเนื้อหาเป็นกรอบของความรู้ที่ผู้เรียนต้องหรือควรที่จะศึกษา ไม่ได้มุ่งแสดงเนื้อหาราย ละเอียดของความรู้นั้นๆ ที่ชี้ชัดเจนลงไปโดยตรง
สรุป
ในการเรียนด้วยวิธีการของเว็บเควสท์จะต้องเรียนผ่านทุกกิจกรรม เพราะทุกกิจกรรมมีความสำคัญในการเรียน ถ้าเรียนไม่ครบจะไม่สามารถสรุปเนื้อหาบทเรียนได้เลย ก่อนเรียนควรทำแบบทดสอบก่อนเรียนเพื่อวัดความรู้เมื่อเรียนครบทุกกิจกรรมแล้วควรทำแบบทดสอบหลังเรียนเพื่อวัดความรู้หลังเรียน
บทเรียนเว็บเควสท์ (WebQuest) เป็นกิจกรรมการเรียนการสอน ที่เน้นการแสวงหาความรู้ โดยใช้เทคโนโลยีเป็นฐาน ผู้สอนหรือ ผู้ออกแบบในการเรียนด้วยวิธีการของเว็บเควสท์จะต้องเรียนผ่านทุกกิจกรรม เพราะทุกกิจกรรมมีความสำคัญในการเรียน ถ้าเรียนไม่ครบจะไม่สามารถสรุปเนื้อหาบทเรียนได้เลย ก่อนเรียนควรทำแบบทดสอบก่อนเรียนเพื่อวัดความรู้เมื่อเรียนครบทุกกิจกรรมแล้วควรทำแบบทดสอบหลังเรียนเพื่อวัดความรู้หลังเรียน
บทเรียน ไม่ได้ทำหน้าที่ ถ่ายทอดความรู้แก่ผู้เรียน แต่เพียงฝ่ายเดียว แต่เป็นผู้จัดกลุ่ม เรียบเรียง และลำดับความรู้ต่าง ๆ ให้อำนวยความสะดวก แก่ผู้เรียน เพื่อให้เข้าถึงความรู้นั้น ๆ อย่างเป็นระบบ เป็นขั้นตอน โดยมุ่งการแก้ปัญหาเป็นสำคัญ
ความเจริญก้าวหน้าของเว็บเควสท์ในปัจจุบันพบว่า ได้มีการพัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี 1995 ดยมีเป้าหมายที่นำแหล่งความรู้ที่หลากหลายบนเครือข่าย
World Wide Web มาใช้เป็นฐานในการัดประสบการณ์การเรียนรู้ โดยผู้เรียนแสวงรู้จากแหล่งความรู้ที่จัดไว้อย่างเป็นระบบ เพื่อใช้ในการเรียนการสอน หรือกล่าวอีกในหนึ่งว่า เว็บเควสท์ เป็นกิจกรรมการเรียนการสอน ที่เน้นการแสวงหาความรู้ดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นฐาน ในการปฏิสัมพันธ์
กับผู้เรียนบนแหล่งต่างๆ ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยมีผู้ให้คำนิยามไว้มากมายดังนี้
ลักษณะของเว็บเควสท์ที่สำคัญคือ แสดงเพียงโครงร่างเนื้อหา เป็นกรอบของความรู้ที่ผู้เรียนต้องการหรือควรจะศึกษา ไม่ได้มุ่งแสดงเนื้อหา
รายละเอียดของความรู้นั้นๆ ที่ชี้ชัดลงไปโดยตรง ดังเช่นบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนทั่วๆ ไป ที่ผู้ออกแบบได้ระบุเนื้อหาเฉพาะเพียงกรอบ ของวัตถุประสงค์
เชิงพฤติกรรมที่ต้องการเท่านั้น วิธีการของเว็บเควสท์ในการเข้าสู่เนื้อหาความรู้ต่างๆ ได้โดยใช้ตัวเชื่อมโยงบนหน้าเว็บเพจหลัก ของกรอบโครงสร้าง
เนื้อหาหลักที่ผู้ออกแบบจัดกลุ่ม เรียบเรียง และลำดับ ดังที่กล่าวไว้แล้วนั้นเชื่อมโยงไปยังแหล่งความรู้อื่น ๆ ในเว็บไซต์อื่นที่ผู้สอนหรือผู้ออกแบบพิจารณาเห็นว่า มีเนื้อหาสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้เกิดแก่ผู้เรียน
การสร้างบทเรียนแบบเว็บเควสท์ การสร้างเว็บเควสท์ เป็นการจัดสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ของผู้เรียน ดังนั้นจึงต้องมีการออกแบบ วางแผน พัฒนาบทเรียน โดยมีขั้นตอน 7 ขั้นดังนี้ (Lamb, 2004)
1. เลือกหัวข้อ 2. เลือกการออกแบบ 3. เลือกเครื่องมือในการพัฒนา 4. สร้างการประเมินผล 5. พัฒนากระบวนการ 6. ทดสอบ / เผยแพร่
7. ประเมินผลเว็บเควสท์
ประโยชน์ของการเรียนการสอนแบบเว็บเควสท์
1 ช่วยเหลือ สนับสนุนเพื่อนสมาชิกอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล
2 แบ่งปันแหล่งข้อมูล และวัสดุ รวมไปถึงกระบวนการในการจัดการข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล
3 มีการสนองตอบตามคำเรียกร้อง หรือช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างเป็นลำดับ
4 ท้าทายข้อสรุปของกันและกัน ร่วมกันขบคิด หาแนวทางที่ดีที่สุดร่วมกัน
5 ผลักดันให้ไปสู่เป้าหมายร่วมกัน
6 จะบรรลุเป้าหมายได้มาจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกๆ คน
7 เชื่อมั่นในพลังของกลุ่ม ไว้ใจเพื่อนสมาชิก
8 เข้าใจปัญหาตรงกัน เพื่อไปสู่เป้าหมายร่วมกัน
9 ตัดความลังเลสงสัย และความคิดที่ว่า ทำเพราะต้องทำออกจากใจ
รูปแบบการเรียนรู้ในเว็บเควสท์
รูปแบบการเรียนรู้ในเว็บเควสท์สามารถสรุปได้ใน 3 ลักษณะ คือ ลักษณะร่วมมือกัน ลักษณะแข็งขันกันและลักษณะต่างคนต่างเรียน ซึ่งผู้สอนควรออกแบบการเรียนการสอนให้ผู้เรียนสามารถเรียนแบบลักษณะร่วมมือกันเพื่อให้ผู้เรียนร่วมกันคิด แก้ไขปัญหาร่วมประสบการณ์ และร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานออกมา
สรุปว่า เว็บเควสท์ เป็นเว็บที่มีการออกแบบให้มีกิจกรรมการเรียนการสอนให้มีลักษณะการเรียนแบบสืบสอบ (Inquiry-Oriented) กล่าวคือ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ความรู้จากการค้นคว้าด้วยตัวเองจากแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ทางอินเทอร์เน็ตที่จัดเตรียมไว้ในเว็บเควสท์ตามขั้นตอนที่กำหนด และมีลักษณะสำคัญ คือ เว็บเควสท์แสดงเพียงโครงร่างเนื้อหา เป็นกรอบของความรู้ที่ผู้เรียนจะต้องศึกษาไม่ได้นำเอาของเนื้อหาในการเรียนใส่ลงไปในบทเรียน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น